ปัจจุบันพลังงานสะอาดกำลังกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทั้งโลก หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจก็คือ “โซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar)” หรือแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนผิวน้ำ ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งในการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า
Floating Solar Farm กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ด้วยศักยภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนผิวน้ำ บทความนี้จะเจาะลึกถึงประโยชน์และความท้าทายของเทคโนโลยีนี้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลในภาพประกอบ
ประโยชน์ของโซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar)
✅ ลดการระเหยของน้ำ (Reduction in evaporation losses): การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนผิวน้ำช่วยลดพื้นที่ที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ส่งผลให้การระเหยของน้ำในอ่างเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำลดลง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ
✅ ติดตั้งง่าย (Ease of deployment): โซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar) ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมพื้นที่หรือฐานรากที่ซับซ้อนเหมือนโซลาร์บนบก ทำให้การติดตั้งรวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น
✅ ไม่ใช้พื้นที่ดิน (No land requirement): ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือการไม่ใช้พื้นที่ดินอันมีค่า ซึ่งมักจะเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่บนบก ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากผืนน้ำที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า
✅ เพิ่มผลผลิตพลังงานจากผลกระทบความเย็นของน้ำ (Increased energy yield from cooling effect of water): แผงโซลาร์เซลล์ที่อยู่เหนือผิวน้ำจะได้รับความเย็นจากน้ำด้านล่าง ช่วยลดอุณหภูมิของแผง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นและยืดอายุการใช้งานของแผง
✅ ลดการเติบโตของสาหร่าย (Possible reduction in algae growth): การที่แผงโซลาร์บดบังแสงแดดที่ส่องลงไปในน้ำ อาจช่วยลดการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลดีต่อคุณภาพน้ำในระยะยาว
✅ แหล่งน้ำสำหรับทำความสะอาด (Water available for cleaning): การมีน้ำอยู่รอบๆ ทำให้สะดวกในการทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งช่วยรักษาประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า
✅ การทำงานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า (Synergy with electric infrastructure): โซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar) สามารถทำงานร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอยู่แล้วได้อย่างลงตัว โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและสายส่งร่วมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรสูงสุด
ความท้าทายของโซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar)
✅ อาจมีคราบสกปรกจากนก (Possible soiling by birds): การที่พื้นที่ติดตั้งอยู่บนผืนน้ำอาจดึงดูดนกจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสที่มูลนกจะตกลงบนแผงโซลาร์เซลล์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า และต้องมีการทำความสะอาดบ่อยขึ้น
✅ ความปลอดภัยทางไฟฟ้าและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ (Electrical safety and longevity of equipment): อุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำมีความเสี่ยงสูงต่อความชื้นและการกัดกร่อน การออกแบบและการติดตั้งต้องคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพื่อให้มั่นใจในความทนทานและอายุการใช้งานของอุปกรณ์
✅ การบำรุงรักษา (Maintenance): การบำรุงรักษาโซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar) อาจมีความซับซ้อนมากกว่าโซลาร์บนบก เนื่องจากอาจต้องใช้เรือและนักประดาน้ำใ- นการเข้าถึงพื้นที่ ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลา
✅ การยึดเกาะและการทอดสมอ (Mooring and anchoring): ระบบการยึดเกาะและการทอดสมอของแพลตฟอร์มโซลาร์ลอยน้ำมีความซับซ้อนและขึ้นอยู่กับประเภทของอ่างเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำนั้นๆ ต้องมีการออกแบบที่แข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมทางน้ำ
✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดแสง (Possible environmental impact from light reduction): การที่แผงโซลาร์บดบังแสงแดดอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาแสงแดดในการดำรงชีวิต เช่น พืชน้ำและแพลงก์ตอนบางชนิด จำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบและมาตรการบรรเทาที่เหมาะสม
โซลาร์ลอยน้ำ (Floating solar) เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาดของโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและติดตั้งโครงการเหล่านี้จำเป็นต้องพิจารณาถึงทั้งประโยชน์และความท้าทายอย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม