หลายคนอาจคุ้นเคยกับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบคงที่ (Fixed Tilt) ที่วางแผงหันไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อให้รับแสงแดดได้ดีที่สุด แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น นั่นคือ Solar Tracker
Solar Tracker คือระบบที่ทำให้แผงโซลาร์เซลล์หมุนตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนเย็น เพื่อให้แผงได้รับแสงในมุมที่เหมาะสมที่สุดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแบบคงที่ประมาณ 15–30% เลยทีเดียว การใช้ Solar Tracker ช่วยให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ลดต้นทุนต่อหน่วยไฟฟ้าในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่
ใครควรติดตั้ง?
· โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ขนาดใหญ่ (Utility-scale solar farm)
· โรงงานอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่กว้างและใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก
· โครงการเชิงพาณิชย์ที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุด (แต่สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป อาจไม่เหมาะเพราะต้นทุนและพื้นที่จำกัด)
Solar Tracker เหมาะกับพื้นที่ราบกว้างและมีแดดแรง เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางของไทย ซึ่งมีท้องฟ้าเปิดโล่ง และไม่มีเงาบังจากตึกหรือต้นไม้สูง ในทางกลับกัน พื้นที่ภูเขาสูงหรือในเมืองใหญ่ที่มีอาคารหนาแน่น มักไม่เหมาะกับการใช้เทคโนโลยีนี้
ข้อดีของ Solar Tracker
· ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผงคงที่
· กระจายการผลิตไฟฟ้าได้สม่ำเสมอทั้งวัน
· ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
ข้อเสีย
· ต้นทุนการลงทุนและบำรุงรักษาสูงกว่า
· มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ทำให้เสี่ยงต่อการสึกหรอและเสียหาย
· ต้องการการดูแลเชิงวิศวกรรมมากกว่าแบบคงที่
หากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ราบแดดแรง Solar Tracker คือเทคโนโลยีที่คุ้มค่าและช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้จริง แต่ถ้าเป็นบ้านพักหรือพื้นที่เล็ก ๆ ระบบ Fixed Tilt อาจเป็นคำตอบที่เรียบง่ายและคุ้มทุนกว่า