โครงสร้างของระบบอัตโนมัติ (Automation System Structure) ประกอบด้วยอะไรบ้าง

สวัสดีครับ โพสต์นี้จะพาไปดูว่า “ระบบอัตโนมัติ” ที่เราใช้งานกันในโรงงาน หรือกระบวนการผลิตต่างๆ 
มี โครงสร้างพื้นฐานแบบใด? และ แต่ละส่วนทำหน้าที่อย่างไร? 

ระบบอัตโนมัติโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ: ดูภาพประกอบ  

🔹 1. Instrumentation Subsystem – ระบบเครื่องมือวัดและควบคุม 

ระบบนี้คือ “ตาและมือ” ของระบบอัตโนมัติ เพราะทำหน้าที่วัดค่าจากกระบวนการจริง และแปลงเป็นข้อมูลให้ระบบควบคุมรับรู้ 
รวมถึงแปลงคำสั่งจากระบบควบคุมให้กลับไปควบคุมกระบวนการจริง 

แบ่งเป็น 2 ส่วนย่อย ได้แก่

1.1 Input Instrumentation Subsystem – ระบบรับข้อมูลเข้า 


ทำหน้าที่: 

  • วัดค่าทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ, ระดับ, การไหล ฯลฯ 
  • แปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ (Analog/Digital) 
  • ส่งให้ระบบควบคุม (Controller) 
  •  

📌 อุปกรณ์ที่ใช้: 

-Temperature Sensor, Level Sensor 

-Flow Switch, Supervision Relay 

-Water/Energy Meter (วัดแบบ Pulse) 

1.2 Output Instrumentation Subsystem – ระบบส่งคำสั่งออก 


ทำหน้าที่: 

  • รับคำสั่งควบคุมจาก Controller 
  • แปลงเป็นรูปแบบที่กระบวนการเข้าใจ (Mechanical/Electrical) 
  • สั่งให้ทำงาน เช่น เปิดวาล์ว, ปิดเบรกเกอร์ 
  •  

📌 อุปกรณ์ที่ใช้: 

-Solenoid Valve (เปิด-ปิดน้ำ) 

-Control Relay (เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า) 

Output

🔹 2. Human Interface Subsystem – ระบบที่ให้คนหรือในที่นี้คือผู้ปฏิบัติงานสื่อสารกับเครื่องจักร 

ระบบนี้คือ “สะพาน” ที่เชื่อมระหว่างคนกับระบบอัตโนมัติ 
ให้ผู้ใช้งานสามารถดูสถานะ / สั่งงาน / ตั้งค่าระบบ ได้โดยตรง 

มี 2 บทบาทสำคัญ: 

2.1 Direct Monitoring – การดูสถานะ 

  • แสดงค่าอุณหภูมิ, ระดับน้ำ, สถานะวาล์ว ฯลฯ 
  • ผู้ควบคุมสามารถรู้ว่าในระบบเกิดอะไรขึ้นแบบเรียลไทม์ 

2.2 Direct Control – การควบคุมโดยตรง 

  • สั่งเปิด-ปิดวาล์ว หรือเบรกเกอร์ 
  • ตั้งค่าจุดอ้างอิง เช่น ค่าที่ต้องการควบคุม (Setpoint) 

📌 อุปกรณ์ที่ใช้: 

  • Operator Panel, HMI, Touch Screen 

 

🔹 3. Control Subsystem – ระบบควบคุม (หัวใจของ Automation) 

นี่คือ “สมอง” ของระบบ 
ทำหน้าที่รับข้อมูล (Data Acquisition) วิเคราะห์ (Data Analysis) ตัดสินใจ (Decision) สั่งการ (Execution) 

ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก (เป็นวงจรอัตโนมัติ): 

3.1 Data Acquisition 

  • รับข้อมูลจาก Sensor ผ่าน Instrumentation 
  • ทำให้ข้อมูลเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมประมวลผล 

3.2 Data Analysis & Decision Making 

  • เปรียบเทียบค่าที่ได้กับค่าที่ตั้งไว้ 
  • ตัดสินใจว่าจะต้องสั่งให้กระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ 

3.3 Control Execution 

  • ส่งคำสั่งให้กับอุปกรณ์ Output เช่น Solenoid หรือ Relay 
  • เพื่อควบคุมวาล์ว เบรกเกอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ 

3.4 Communication 

  • ระบบควบคุมสมัยใหม่มีความฉลาดมากขึ้นดังนั้นจึงมีส่วนที่ให้ติดต่อสื่อสารกับระบบภายนอก เช่น SCADA, MES เป็นต้น 

ทั้งหมดในแต่ละส่วนของ Control จะมีรายละเอียดมากเราก็ค่อยๆลงไปทีละส่วนต่อไป  

 

🔚 สรุป 

ระบบ Automation ไม่ได้มีแค่ Controller 
แต่เป็นระบบที่เกิดจากการประสานงานกันของ: 

  • Instrumentation (ตาและมือ) 
  • Control (สมอง) 
  • Human Interface (ปากและหู) 

เมื่อทั้ง 3 ส่วนทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น 
กระบวนการใดๆ ก็สามารถ “ควบคุมได้แม่นยำ, ตรวจสอบได้ทันที, และปรับเปลี่ยนได้อย่างชาญฉลาด” 

 

โพสต์ต่อไปจะลองยกตัวอย่างแบบง่ายๆเพื่ออธิบายโครงสร้างของระบบ Automation ที่อธิบายมาข้างต้นครับ  

สวัสดีครับ 😊 

#WeConnectAutomationEngineer 
#AutomationSystemStructure 
#ControlSystem 
#Instrumentation 
#HumanMachineInterface 
#แชร์จากหน้างานจริง 

 

✉️

Purchasing Department : phaiboono@wce.co.th   |   Human Resources and Administration Department : hrmwce@wce.co.th   |   Sales Department : international@wce.co.th

Headquarters Bangkok

16 K&Y Building 5 Fl., Surasak Road, Silom Sub-District, Bangrak District, Bangkok, 10500
Mobile Phone +66 (06) 5937 6283 
Fax +66 (0) 2233 6669

Factory Bang Saphan

9/1 Moo 4, BanKlangNa – YaiPloy Road, Maerumphueng, BangSaphan, PrachuapKhiriKhan 77140
Telephone +66 (0) 3290 6112 – 119
Fax +66 (0) 3290 6120